โกโก้ (cocoa ) เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่รู้จักกันดีในการนำส่วนเมล็ด (cocoa bean) นำมาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โกโก้ผง (cocoa powder) เนยโกโก้ (cocoa butter) เนื้อโกโก้ (cocoa mass) ช๊อกโกแลต (chocolate) เป็นต้น โดยโกโก้มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพในหลากหลายแง่ ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูประโยชน์และเคล็ดลับเลือกผงโกโก้ไปด้วยกัน
ประวัติโกโก้ ที่มาของเครื่องดื่มรสอร่อย
โกโก้มีแหล่งกำเนิดอยู่บริเวณเขตร้อนชื้นของทวีปอเมริกา พบได้เฉพาะแถบลุ่มน้ำอเมซอนและบางส่วนในทวีปอเมริกากลาง ซึ่งพบว่าชาว indian เป็นพวกแรกที่ทำการปลูกโกโก้และนำเมล็ดมาทำเครื่องดื่มต่อมาชาวสเปนเป็นชาติแรกที่เริ่มทำเครื่องดื่มจากเมล็ดโกโก้ผสมกับน้ำตาลอ้อย
ในปัจจุบัน โกโก้ได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชื่นชอบด้วยกลิ่น รส ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และยังนำมาแปรรูปเป็นช็อกโกแลต อีกด้วย
โกโก้กับช็อกโกแลต แตกต่างกันอย่างไร
โกโก้และช็อกโกแแลตนั้น แตกต่างกันที่ไขมันภายในเท่านั้นเอง โดยช็อกโกแลตนั้นจะประกอบไปด้วยน้ำมันโกโก้ โดย ช็อกโกแลตแต่ละชนิด จะมีความเข้มข้นของน้ำมันโกโก้ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ช็อกโกแลตที่มีรสเข้ม ขม นั้นมีน้ำมันโกโก้ 55%-70% หรือมากกว่านั้นก็ได้ ปัจจุบันช็อกโกแลต นั้นได้ออกมาหลัก ๆอยู่ 3 แบบ คือ ดาร์กช็อกโกแลต ,ไวท์ช็อกโกแลต และ มิลค์ ช็อกโกแลต
ประโยชน์และโทษของโกโก้
- โกโก้อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย และช่วยลดการอักเสบได้ดี
- โกโก้ช่วยลดความรู้สึกอยากอาหาร ทานแล้วอยู่ท้อง อิ่มนาน
- โกโก้ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ยืดหยุ่น และป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน
- โกโก้ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายปัสสาวะ
- โกโก้ และช็อกโกแลต อุดมไปด้วยกรดอะมิโน tryptophan ที่ช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่ง serotonin ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และไม่เครียด
- โกโก้ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กล้ามเนื้อมากขึ้น
การกินโกโก้หรือช็อกโกแลตนั้นมีประโยชน์อีกมากมาย แต่หากกินโกโก้หรือช็อกโกแลตในปริมาณที่มากเกินไปก็มีโทษได้เช่นกัน เพราะในช็อกโกแลตนั้นได้มีการผสมทั้งนมและน้ำตาล ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคอ้วนได้นั้นเอง
เคล็ดลับการเลือกผงโกโก้
ผงโกโก้นั้นมี 2 แบบ คือ …
- ผงโกโก้ธรรมชาติ จะมีรสชาติที่ออกเปรี้ยวของผลไม้มากกว่า จึงทำให้กินยากเล็กน้อย โดยผงโกโก้ธรรมชาติจะมีสีน้ำตาลอ่อน จะนิยมไปทำบราวนี่ เพราะสีที่อ่อนจะสวยกว่า
- ผงโกโก้แบบดัช คือมีการลดรสชาติของความเปรี้ยวลงหรือลดความเป็นกรดลง เพื่อให้ผงโกโก้นั้นมีรสชาติที่ทานง่ายและแปลกใหม่มากขึ้น จึงได้เป็นผงโกโก้ดัทช์ที่มีสีน้ำตาลเข้มอมแดงน่าทาน ให้รสชาติกลมกล่อมและยังมีกลิ่นที่หอมละมุน
เพราะฉนั้น สิ่งที่สำคัญของการเลือกผงโกโก้ คือการใช้งาน และปริมาณไขมันในผงโกโก้
1. การใช้งาน
- ผงโกโก้แบบธรรมชาติ เป็นผงโกโก้ที่มีความเป็นกรดจึงจะช่วยทำปฎิกิริยากับเบคกิ้งโซดาได้ดีกว่าผงโกโก้แบบ Dutch – Process ทำให้ขนมที่อบมาขึ้นฟูได้ดีกว่าและสวยกว่า
- ผงโกโก้แบบ Dutch – Process จะเหมาะสมกับการนำไปทำเมนูเครื่องดื่มเพราะมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียด นุ่มนวล และไม่มีรสเปรี้ยว
2. ปริมาณไขมันของผงโกโก้
ปริมาณไขมันในผงโกโก้เป็นส่วนผสมหลักในการทำให้ขนมและเครื่องดื่มอร่อย ดังนั้นสำหรับการเลือกใช้ผงโกโก้จึงต้องดูว่าจะใช้ทำเมนูขนมหรือเครื่องดื่มของตัวเองให้มีรสชาติเข้มข้นหรือนุ่มนวล จะต้องดูปริมาณไขมันในผงโกโก้ ยกตัวอย่างเช่นใช้ผงโกโก้ที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูง จะทำให้รสชาติอร่อยขึ้นและยังทำให้ผิวของขนมที่ทำจะมีความมันวาวและช่วยให้น่ากินมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หรือถ้าใช้เปอร์เซ็นไขมันต่ำก็จะทำให้โกโก้นั้นมีความเข้มข้น หอมกลิ่นโกโก้ชัดเจน
เทคนิคการชงโกโก้ให้อร่อย
นำผงโกโก้ใส่แก้วชง จากนั้นให้เติมน้ำร้อนเล็กน้อย เพื่อทำการละลายผงโกโก้จะช่วยให้ผผงโกโก้ไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นใส่นมข้นหวาน ด้วยความร้อนจะทำให้นมข้นหวานละลายเข้าเนื้อไปกับโกโก้ในตอนแรก จากนั้นค่อยเติมส่วนผสมอื่น ได้ตามต้องการ
สรุป
จะเห็นได้ว่า โกโก้นั้นมีมาตั้งแต่ยุคสมัยล่าอนานิคม และโกโก้นั้นก็ได้มีการปรับปรุงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนได้มีการนำไปผสมกับวัตถุอื่นๆ จนออกมากลายเป็นช็อกโกแลตแสนอร่อย และยังมีผงโกโก้ที่เหมาะใช้ทำขนม หรือ สำหรับเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอีกด้วย และการกินหรือดื่มโกโก้ก็ยังมีประโยชน์อีกมากมาย แต่มีประโยชน์ก็ต้องมีโทษหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะฉนั้น การกินหรือดื่มโกโก้ควรดื่มหรือทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ