เสียงนกร้องในยามเช้าไม่ดังเท่าเสียงโอดครวญของผู้ป่วยสูงวัยที่ร้องเป็นประจำทุกเช้า ปลุกฉันให้ตื่นจากหลับใหล เช้านี้ยังคงเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา กลิ่นแอลกอฮอลผสมยากลายเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยมากกว่ากลิ่นอาหารเสียอีก ฉันคุ้นชินกับการทำอะไรซ้ำๆ อย่างเช่นการตื่นมานั่งมองธรรมชาตินอกหน้าตาในยามที่แสงแดดอ่อนลอดผ่านเข้ามา จากนั้นก็ได้เวลาอาหาร ยา และนอนตามลำดับ
แต่ก็เริ่มชินแล้วนะ ฉันอยู่โรงพยาบาลมาปีกว่าแล้ว นั่งๆ นอนๆ จนเลยจุดที่ว่าเบื่อไปแล้ว ช่วงครึ่งปีหลังฉันได้ลองหาอะไรทำเบาๆ แต่ก็อยู่ในรั้วโรงพยาบาลนี่แหละ ฉันเกือบจะถอดใจที่จะมีชีวิตอยู่แต่หมอนที แพทย์ประจำตัวที่ดูแลฉันเขาแนะนำให้ลองหากิจกรรมทำ ฉันเลยลองมาอ่านหนังสือให้ห้องเด็กฟัง เด็กๆ พวกนี้เป็นคนไข้ บางคนก็เป็นโรคที่รักษาไม่หายซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่เด็ก ต้องรอบริจาคอย่างเดียวเท่านั้น เด็กๆ พวกนี้ทำให้ฉันรู้สึกมีกำลังใจในการอยู่ต่อ พวกเขาไร้เดียงสาและบริสุทธิ์มาก ฉันจึงมาอ่านหนังสือให้พวกเขาฟังทุกวัน
“พี่เมษาคะ หนูอยากฟังอีกค่ะ พี่เล่านิทานอีกนะคะ” น้องนานาที่นอนอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางระบายยิ้มอ่อน ร้องขอให้ฉันเล่าอีกเรื่อง
“ได้สิจ๊ะ เอาเรื่องนี้ดีไหม….” ฉันหยิบนิทานเล่มใหม่เอี่ยมที่เพิ่งมีคนบริจาคขึ้นมาอ่านให้เด็กๆ ฟัง
พวกน้องๆ ส่งเสียงร้องดีใจกันยกใหญ่ แม้พวกเขาบางคนจะมีใบหน้าที่ซีดเซียวแต่ดวงหน้าเหล่านั้นก็เปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ฉันหวังว่าการอ่านนิทานในทุกๆ วันของฉันจะทำให้พวกเขามีความสุขใจลืมความเจ็บป่วยได้ชั่วขณะ เหมือนที่ฉันเริ่มมีความสุขมากขึ้น เด็กๆ ตั้งใจฟังกันมาก มีส่วนร่วมตามตลอดจนกระทั่งฉันเล่าจบเรื่อง
“พอแค่นี้ก่อนเนาะ ไว้พรุ่งนี้พี่จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ” ดูเวลาแล้วฉันมาห้องเด็กๆ ได้ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ถึงเวลาที่ตัวเองต้องไปพักบ้างเหมือนกัน
เด็กๆ ส่งเสียงรับอย่างเข้าใจก่อนจะขึ้นกลับไปที่เตียงของตัวเองเพื่อพักผ่อน ฉันเองก็ต้องไปเช่นกัน ด้วยความที่หัวใจไม่ค่อยดีเลยลุกนั่งค่อนข้างลำบาก และเหมือนหมอนทีจะรู้เวลาดีเหลือเกิน เขาเปิดประตูเข้าในช่วยพยุงฉันพาออกไป
“เดี๋ยวผมจะพาไปตรวจเพิ่มเติมนะ” เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นใจ หมอนทีพาฉันเดินไปตามระเบียบทางยาวที่มีต้นไม้ผลิดอกปลูกอยู่ตลอดทาง
“ตรวจไปก็เหมือนเดิม สู้ให้ฉันไปห้องผู้สูงวัยไม่ดีกว่าเหรอคะ พวกท่านน่ะทำให้ฉันอารมณ์ดีมากเลย” ฉันบอกไปตามตรง เพราะต่อให้ตรวจสักกี่ครั้งอาการที่เป็นอยู่ก็ไม่ดีขึ้น มีแต่แค่ทรงตัวเฉยๆ
“ยังไงก็ต้องตรวจครับ อย่าพูดอะไรให้ผมเป็นห่วงแบบนี้อีกนะ“ ก็เพราะความใจดีและความห่วงใยของหมอนี่แหละ ทำให้ฉันประทับใจและชอบเขาแบบไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ฉันก็ทำงานได้เหมือนคนปกติ ฉันเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วแต่กำเนิดเมื่อตอนเด็กๆ เคยมีอาการกำเริบและมันก็หายไป หายไปนานจนคิดว่าฉันปกติดีเหมือนคนอื่นๆ จนกระทั่งเมื่อเกือบสองปีก่อน อยู่ๆ ฉันก็มีอาการทรุดหนักลงจนกระทั่งต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นปีๆ ตอนแรกก็คิดอย่างคนหมดอาลัยตายอย่าง ได้แต่รอความตายไปวันๆ แต่หมอนทีก็ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด ความห่วงอาทรทำให้ฉันแอบชอบเขาได้ในเวลาสั้นๆ และหมอเองก็รู้สึกดีกับฉันเช่นกัน เขาเป็นฝ่ายขอคบกับฉัน ตอนแรกฉันปฏิเสธเพราะรู้ว่าตัวเองคงอยู่ได้ไม่นาน แต่หมอนทีทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดใหม่ ฉันจึงอยากให้ทุกนาทีที่มีอยู่สร้างความทรงจำดีๆ ระหว่างกันเลยตัดสินใจคบกัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้เราคบกันได้หกเดือนกว่าแล้ว
แม้เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยกันในโรงพยาบาลแต่หมอก็เป็นผู้ชายที่น่ารักมาก ว่างเมื่อไหร่ก็จะมาหาฉันที่ห้องคนไข้บ่อยๆ พาฉันไปเดินเล่นบ้าง ไปทำกิจกรรมเบาๆ บ้าง หกเดือนมานี้ฉันมีความสุขมากจริงๆ ที่ได้เป็นคนรักของหมอนที
“รู้แล้วค่า ว่าแต่เมื่อไหร่หมอจะหาแว่นมาให้ฉันสักทีคะ” เพราะว่าฉันสายตาสั้นมาก และไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ จึงต้องเป็นธุระของหมอในการหาแว่นใหม่มาเปลี่ยนให้ เมื่อสามเดือนที่แล้วฉันบังเอิญนั่งทับจนเลนส์แตกเลยไม่มีใส่ทำให้มองอะไรไม่ค่อยชัดเจน
“แว่นไม่ต้องมีก็ได้มั้ง ในเมื่อมีผมอยู่ใกล้ๆ ทั้งคน” หมอนทีโปรยยิ้มอ่อน ทำเอาใจฉันอ่อนระทวยไปหมด บางครั้งก็นึกเสียดายนะ ทำไมเราไม่เจอกันเร็วกว่านี้…
“ปากหวานแบบนี้ มิน่าล่ะพยาบาลถึงพากันหลง” แม้ตอนนี้จะเห็นใบหน้าเขาไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็รู้ว่าหมอนทีเป็นผู้ชายที่จัดว่าหล่อเหลาเอาการ ฉันก็เคยนึกสงสัยนะ หน้าที่การงานดี นิสัยดีแถมยังหล่อด้วย ทำไมถึงไม่เลือกคบกับผู้หญิงที่พร้อมจะใช้ชีวิตไปด้วยกันนานๆ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปหรอก
บางทีคำตอบมันน่ากลัวกว่าความตายซะอีก…
“คนอื่นผมไม่สนหรอก แค่คุณหลงผมคนเดียวก็พอแล้ว” พูดซะขนาดนี้ จะไม่ให้หลงได้ยังไงล่ะคะคุณหมอ! “เตรียมตัวไว้นะ ผมมีเซอร์ไพรส์”
เขาพูดขณะเปิดประตูห้องเพื่อพาฉันเข้าไปด้านใน กลิ่นห้องและอุปกรณ์ทุกอย่างฉันคุ้นเคยมันเป็นอย่างดีเพราะเข้ามาหลายรอบมาก นับครั้งไม่ถ้วนเลยล่ะที่เข้ามาตรวจอาการตามนัด แต่ครั้งนี้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเพราะหมอนทีบอกว่ามีเซอร์ไพรส์
“อะไรเหรอคะที่หมอจะเซอร์ไพรส์” ฉันถามทันทีที่หมอพาไปนั่งบนเก้าอี้ตรวจ
“เอาไว้ตรวจเสร็จก่อนนะครับคนดี แล้วผมจะบอก” หมอนทีบอกพร้อมกับใส่อุปกรณ์เพราะตรวจสุขภาพฉัน
ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามการแพทย์ ฉันเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทุกครั้งเพราะตรวจจนนับครั้งไม่ถ้วน จำได้หมดแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง หลังจากตรวจสุขภาพตามปกติเรียบร้อย คุณหมอก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงหน้าและยิ้มบางๆ ก่อนจะพูด
“วันนี้มีคนบริจาคหัวใจมาแล้วนะครับ และผมลงคิวผ่าตัดไว้ให้แล้ว”
ฉันรู้สึกว่าตัวเองหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อได้ยินว่าจะได้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ น้ำตาแห่งความยินดีรินไหลออกมาไม่รู้ตัว ฉันดีใจจนพูดไม่ออก ได้แต่นั่งร้องไห้เพราะความปลาบปลื้มเมื่อรู้ว่าจะไม่ต้องตายในเร็วๆ นี้ การเปลี่ยนถ่ายหัวใจแม้จะน่ากลัวแต่เปอร์เซ็นต์การผ่าสำเร็จมีสูงมาก ข่าวดีครั้งนี้ทำให้ฉันเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะหมอ ฉันจะได้ผ่าตัดแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ” ฉันถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดหรือคิดไปเอง ปีกว่าที่รอคอยในที่สุดโอกาสก็มาถึง
“เรื่องแบบนี้ใครจะล้อเล่นกันครับ“ หมอนทีบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ รู้สึกว่ามือของเขาเย็นจนฉันสะดุ้ง เลยยกมือขึ้นมากุมมือเขาไว้อย่างแปลกใจ
“ทำไมหมอมือเย็นแบบนี้ล่ะคะ”
“ผมคงตื่นเต้นมั้งครับ ดีใจที่คุณจะหายและได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ”
“ถ้าฉันหายแล้ว เราไปเดตกันนอกโรงพยาบาลนะคะ” นี่เป็นเรื่องที่ฉันเคยฝันเอาไว้ และคิดว่ามันคงเป็นได้แค่ฝัน แต่วันนี้สิ่งที่อยากทำใกล้จะเป็นจริงแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างเลยที่อยากทำร่วมกับคุณหมอนที
“……” หมอไม่ได้ตอบกลับ เขายิ้มบางๆ ให้ฉัน แต่แค่นั้นก็ทำให้อุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด
หมอผ่าตัดแจ้งว่าฉันต้องรออีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนี้ให้กินยาตามแพทย์สั่งและดูแลตัวเองตามคำแนะนำของพยาบาล ซึ่งก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก ร่างกายฉันเป็นปกติดีแต่จิตใจนี่สิ ยิ่งใกล้ผ่าก็ยิ่งห่อเหี่ยว นั่นเป็นเพราะช่วงอาทิตย์นี้ไม่เจอหมอนทีเลย เวลาถามพยาบาลที่มาตรวจก็อ้ำอึ้งบอกแต่ว่าหมอไม่ค่อยว่างมีเคสด่วน แต่คงจะยุ่งจริงๆ ถึงขนาดเปลี่ยนหมอประจำตัวให้มาดูแลแทน คุณหมอที่มาแทนก็บอกให้ฉันไม่ต้องคิดมาก ทำใจสบายๆ อย่าเครียดเพราะเดี๋ยวจะมีผลกับการผ่าตัด ฉันก็ได้แต่รับปากส่งๆ เพราะใจคิดถึงแต่หมอ อยากได้กำลังใจจากเขายิ่งกว่าใครๆ ทั้งหมด
กระทั่งสามคืนก่อนตอนที่ฉันกำลังหลับเหมือนได้ยินเสียงหมอนทีพูดอะไรบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าฉันฝันหรือเรื่องจริงแต่พอจับใจความได้ว่า ‘ผมจะอยู่กับคนตลอดไป’ แต่พอตื่นขึ้นมาฉันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา จนถึงวันผ่าตัด มีเพียงข้อความที่ฝากไว้ใส่กระดาษโน้ต ‘ทำใจให้สบายนะครับ คนเก่งของผม การผ่าตัดจะต้องสำเร็จ ผมเป็นกำลังใจให้เสมอ’ น่าแปลกที่ได้เห็นเพียงแค่ข้อความ ใจฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มีกำลังใจอยากจะผ่าตัดเร็วๆ ฉันถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด ซึ่งเมื่อถูกพยาบาลฉีดยาสลบฉันสติฉันก็ดับวูบลงทันที
ฉันมีสติอีกครั้งหลังจากผ่านไปเกือบยี่สิบเอ็ดชั่วโมงหลังผ่าเสร็จ แต่ยังคงมึนฤทธิ์ยาบวกกับอาการเจ็บขยับตัวไม่ได้ แม้แต่จะพูดยังไงไม่ได้ ร่างกายฉันอ่อนเพลียจนหลับไปไม่รู้อีกกี่รอบ กว่าจะหายกลับมามีสภาพปกติ ไม่ได้ถูกเจาะคอและไม่มีสายระโยงระยางก็ปาเข้าไปเป็นอาทิตย์ ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้เลยว่าหมอมาเยี่ยมฉันบ้างรึเปล่า เพราะสติไม่ยังไม่กลับมาแบบสมบูรณ์แบบ แต่วันนี้ฉันรู้ตัวทุกประการ ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหมอนที เมื่อหมอที่ดูแลเข้ามาตรวจ ฉันเลยถามหาอีกครั้ง และครั้งนี้คุณหมอก็ยื่นจดหมายมาให้แทน ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ ฉันเลยเปิดจดหมายออกดู
หมอนที
ถ้าคุณได้อ่าน แสดงว่าผมคงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ไม่ต้องร้องไห้นะครับคนดี ผมไม่อยากเห็นคุณเสียใจ ผมแค่ไปอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลเฝ้ามองคุณอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อดูคุณเติบโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ครั้งแต่ที่เราเจอกันผมตั้งใจว่าจะมองคุณในฐานะคนไข้ แต่คุณก็น่ารักเกินไปจนผมห้ามมันไว้ไม่ได้ ซึ่งผมก็คิดไม่ผิดเพราะคุณได้สร้างความทรงจำดีๆ หลายอย่าง ทำให้ผมมีความสุข แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ผมก็ดีใจที่ได้รักคุณ ชีวิตของหมอที่เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายมันไม่ง่ายเลย แต่คุณทำให้แต่ละวันของผมมีแต่รอยยิ้ม ผมจึงจากไปด้วยความยินดี และมอบหัวใจดวงนี้ให้กับคุณ จำไว้ว่าผมอยู่กับคุณเสมอ ใจผมอยู่กับคุณตลอดไป ขอให้คุณมีความสุขกับชีวิตใหม่
รักคุณตลอดไป
จดหมายในมือเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลรินไม่ต่างจากสายน้ำ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอนทีเป็นมะเร็ง ผิวเขาดูขาวซีดแต่ใบหน้าของเขามักเปื้อนยิ้มดูไม่เหมือนคนป่วยเลย ถ้าฉันรู้เร็วกว่า…ฉันคงพูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำร่วมกัน เพียงแค่รู้ว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน ฉันจะทำทุกวันของเราให้ดีกว่านี้ แม้เขาไม่อยากเห็นฉันเสียใจแต่มันทำใจยากจริงๆ ฉันไม่คิดว่าเขาจะด่วนจากไปแบบนี้ มันเร็วเกินไปฉันยังไม่ทันได้บอกว่ารักเขามากแค่ไหน ได้แต่หวังว่าสักวันเราคงพบกันในที่ไกลแสนใจ
ฉันรักคุณนะคะ…หมอนที